Published on August 22, 2021
#DoWhatYouLove #EatWhatYouLike #GoEverywhereYouWantToGo
Chapter 4 Keelung : Heart of Stone
October 7th 2019, Keelung
"มีหิน มีหน้าผา อาจจะมีกา แต่ไม่มีดาบ"
ป่ะ นั่งรถบัสไปเย่หลิวกัน
ข้าพเจ้าฝันไว้ว่า ถ้าสถานีกลางบางซื่อแล้วเสร็จ มันจะมีระบบที่ดีอย่างที่ Taipei Main Station เป็น ไม่รู้ฝันจะเป็นจริงหรือเปล่า
วันนี้ตื่นเช้ากว่าปกติเล็กน้อย เพราะจะเดินทางไกลไปเย่หลิว ข้าพเจ้าไม่เคยเดินทางโดยรถประจำทางของไทเปออกนอกเมืองมาก่อน จึงตื่นเต้น ที่ตื่นเต้นเพราะถ้าหลงทางจะกลับเข้าเมืองยังไงยังไม่รู้ แต่คิดไว้ว่าเลวร้ายที่สุดก็คงเรียกแท็กซี่กลับเข้าเมือง
ก็เหมือนประเทศไทยละ ถ้าเดินทางวันธรรมดาคนก็จะน้อย
ชอบมากที่สุดคือ Yoyo Card ใบเดียวเที่ยวได้ทั่วไต้หวัน ขึ้นรถประเภทไหนก็ได้ ได้หมด
ระหว่างทางจากป้ายรถไปจนถึงทางเข้าอุทยานเยหลิวค่อนข้างไกลเหมือนกัน ระหว่างทางจะผ่านร้านอาหารทะเลมากมาย ผ่านท่าจอดเรือประมงด้วย คล้ายๆกับท่าปลาบ้านเรา แต่ที่โน่นดูสะอาดกว่าเยอะ
ข้าพเจ้าไปตอนก่อนเที่ยง ร้านรวงยังไม่เปิดมากนัก
นักท่องเที่ยวส่วนใหม่ก็จะอยู่กับบริเวณลานหินที่มีรูปร่างต่างๆ เหมือนในหนังสือท่องเที่ยว มันก็สวยนะ แต่ข้าพเจ้าเห็นกับตาแล้วมันก็ ... สวยเป็นธรรมดา แถมคนรอถ่ายรูปเยอะมาก เยอะจนข้าพเจ้าท้อที่จะรอถ่ายรูปโดยหาจังหวะไม่มีคนไม่ได้เลย
คิดอยู่ในใจว่านี่เราตื่นเช้าเดินทางไกลมาเพื่อดูแค่นี้หรือนี่ ทำไงดี
อย่างที่บอก ข้าพเจ้าเที่ยวตาม Google Map ในนั้นไม่ได้บอกรายละเอียดการท่องเที่ยว ว่าคุณจะต้องเดินไปทางไหนยังไง ถึงจะเจออะไรที่คุณต้องการ อย่าว่าอะไรเลย ขนาดทางเข้าข้าพเจ้ายังเดินไปทางออกก่อนถึงได้ย้อนกลับไปทางเข้า
ไหนๆก็มาแล้ว ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจเดินเข้าไปข้างในที่มีร้านขายน้ำอยู่ จึงได้พบว่ามันมีทางเดินที่จะไปประภาคารอยู่ แต่อุปสรรคคือออออ มันเป็นทางขึ้นเขา .... ซึ่งงงงงงง เมื่อวานเพิ่งปีนเขามา
แต่เอาวะ ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้ถ่ายรูปอะไรเลยที่เย่หลิวนี่ ไปก็ไป โชคดีก็ตรงรองเท้าที่ใส่มาวันนี้มันไม่ทำร้ายเรามาก ข้าพเจ้าดีใจนะ ที่ตัดสินใจปีนเขาขึ้นมา
คงเป็นเพราะบ้านเกิดข้าพเจ้านั้นแห้งแล้งกันดาร ทำให้ข้าพเจ้าพึงพอใจกับทะเล แต่ก็แปลกตรงที่แม่น้ำก็เป็นน้ำนะ แต่ช้าพเจ้าชอบทะเลมากกว่า
ข้างบนนี้คนน้อยกว่าข้างล่างเยอะ อาจเป็นเพราะมีคำเตือนเรื่องลมแรง ทำให้ผู้คนไม่ขึ้นมาข้างบนกันมากนัก ข้าพเจ้าเห็นว่ามันมีจุดชมวิวอยู่ที่ปลายแหลม ตั้งใจว่าจะเดินไปให้ถึง
แม้แผนที่มันจะบอกว่าประมาณ 2 กิโลเมตร แต่ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามันไกลมาก ยังกะเดินมา 10 กิโลเมตรแล้ว มีเพียงลมทะเลและเมฆบนท้องฟ้าเท่านั้นที่ทำให้ข้าพเจ้ายังมีแรงเดินต่อไป
นอกจากมาดูหินแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่สำหรับส่องนกด้วย
เดินมาจนจะถึงจุดชมวิวที่แหลม เจอคนไทยอีกจนได้
ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าไปถึงปลายสุดของแหลมแล้ว แต่ดูจากรูปที่ถ่ายมาภายหลังพบว่า มันมีรูปคนกำลังตกปลาอยู่ที่โขดหินด้วย แสดงว่ายังมีทางไปต่อได้อีก คราวหน้าข้าพเจ้าจะไปที่โขดหินนั้น
ณ จุดชมวิวที่ข้าพเจ้าไปถึง ข้าพเจ้าก็คิดว่านี่เราออกมาจากไทเปแป็บเดียวเอง ก็มาถึงธรรมชาติแบบนี้ได้แล้ว ถ้าเป็นกรุงเทพ คิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหนได้
สักพักนึงข้าพเจ้าต้องเดินทางกลับเข้าไทเป เพราะไม่อยากไปถึงที่โน่นเย็นนัก อีกอย่างคือไม่แน่ใจว่าต้องใช้เวลารอรถกลับนานเท่าไหร่
หลายคนมักจะพูดว่าข้าพเจ้าเป็นพวกใจหิน ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเวลาทำร้ายจิตใจผู้อื่น อยากจะบอกว่าคนใจหินนั้นไม่ใช่ไม่มีหัวใจ เพียงแต่ไม่แสดงออกให้ใครๆได้เห็นมันมากนักก็เท่านั้นเอง
ข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะกลับไปที่ร้าน Secret Garden อีกครั้ง แต่เมื่อไปถึงก็ปรากฏว่าไม่มีร้านนี้อยู่แล้ว ไปเจอร้านที่ชื่อ Tea Struck แทน ซึ่งข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าเขาเปลี่ยนชื่อร้านหรือเปล่า จะถามคนขายก็เกรงใจกลัวจะคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ไหนๆก็มาแล้ว ข้าพเจ้าเลยนั่งร้านนี้แทน
สถานที่นั้นอาจจะหายไป แต่ความทรงจำกลับยังอยู่ ยังชัดเจนเหมือนอย่างเคย
พรุ่งนี้ข้าพเจ้าต้องเดินทางต่อไปโตรอนโต้ ตอนเดินกลับจาก Eslite Spectrum Songyan Store ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว ข้าพเจ้าไม่ชอบเวลาแบบนี้เลย มันดูหดหูยังไงชอบกล เมื่อสองวันก่อนก็บ่นกับตัวเองว่าเหนื่อย แต่พอจะต้องจากไทเปไปจริงๆ ก็รู้สึกว่าไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับมาอีก